กองทัพบกเปิดเผยว่ากัมพูชา ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้งในช่วงคืนที่ผ่านมา (29 ก.ค.) โดยเกิดเหตุปะทะในพื้นที่ภูมะเขือ อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่าถูกกัมพูชาใช้ปืนเล็ก และระเบิดโจมตีฐานทหารฝ่ายไทย และมีการปะทะอีกอย่างน้อยในสองพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีการรายงานเหตุเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชาต้องเจรจากันเรื่องข้อตกลงการเฝ้าระวังในพื้นที่โดยไม่มีการใช้อาวุธบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อคืนที่ผ่านมา ยังมีรายงานข่าวกรณีฝูงโดรนกัมพูชาจำนวน 30 ลำปฏิบัติการโจมตี กองบิน 21 ของไทย แต่กองทัพอากาศไทยกออกมายืนยันในเวลาต่อมาว่า รายงานดังกล่าวเป็น “ข่าวปลอม”
กระทรวงการต่างประเทศไทยออกแถลงการณ์ต่อเหตุปะทะดังกล่าวว่าโดยย้ำว่าไทยยังจะมุ่งมั่นในการแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี “และขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกรูปแบบโดยทันที และกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างครบถ้วน”
เหตุรุนแรงบริเวณจังหวัดชายแดนเมื่อคืนที่ผ่านมา (29-30 ก.ค.) เกิดขึ้น หลังจากไทยและกัมพูชามีข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติการปะทะตามแนวชายแดน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24 นาฬิกา ของวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.) ที่ผ่านมา
ไทยอ้างกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง เกิดเหตุปะทะ 3 พื้นที่
“เมื่อคืนนี้ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้ามืด กัมพูชาได้ทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง” พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ระบุในแถลงการณ์ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้รายละเอียดเหตุการปะทะ ดังนี้
- 21.30 น. (29 ก.ค.) พื้นที่ช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก ยิงเข้าใส่แนว เป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันราว 30 นาที
- 22.00 น. (29 ก.ค.) พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือ และห้วยตามาเลีย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จ.ศรีสะเกษของไทย และ จ.พระวิหารของกัมพูชา กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงอย่างต่อเนื่องและใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ไทยจึงต้องตอบโต้ป้องกันตนเอง เกิดขึ้นเป็นระยะจนถึงช่วงเช้าวันนี้ (30 ก.ค.)
- 05.17 น. (30 ก.ค.) พื้นที่ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ ตรวจพบการยิงเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาข้ามมาฝั่งไทย
โฆษกกองทัพบก เรียกการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้ว่า “เป็นการบ่อนทำลายความพยายามคลี่คลายสถานการณ์โดยสันติวิธี” ที่ส่งผลต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ และ “กองทัพบกของประณามการกระทำที่ไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 00.05 น. ของวันที่ 30 ก.ค. พล.ต.วินธัย เปิดเผยผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักงานข่าวเอ็นบีทีของกรมประชาสัมพันธ์ว่าลักษณะการปะทะในช่วงค่ำไม่รุนแรงเหมือนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
“ลักษณะอาจจะไม่ได้เป็นการใช้อาวุธในแบบหนาแน่นเหมือนในห้วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงเป็นการใช้อาวุธ แต่ว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะว่ามันอยู่ในห้วงเวลาของการหยุดยิงด้วย” พล.ต.วินธัย ระบุ
โฆษกกองทัพบก ย้ำด้วยว่าทหารไทยยังตรึงกำลังอยู่ 11 จุดเช่นเดิม เช่นเดียวกับอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ถูกเคลื่อนย้าย แต่ไม่มีการใช้อาวุธและเป็นเพียงการเฝ้าระวังเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบันทึกรายละเอียดเหตุปะทะเพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประท้วงต่อไปด้วย
“พยายามเก็บไว้ [บันทึกเหตุปะทะ] อย่างกรณีที่ผ่านมา อย่างการใช้อาวุธที่นอกเหนือจากเป้าหมายทางทหาร ส่วนใหญ่ก็จะมีการจดบันทึกหมด ซึ่งต่อไปทางกระทรวงการต่างประเทศก็จะมีขอมูลเพื่อไปดำเนินการในระดับของต่างประเทศต่อได้” พล.ต.วินธัย กล่าว
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
เช้าวันนี้ (30 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า กัมพูชายืนยันอย่างแน่วแน่ในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และ “กองทัพกัมพูชาไม่เคยกระทำการใด ๆ ที่อาจตีความได้ว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง” ซึ่งขัดต่อข้อกล่าวหา “ที่ถูกแต่งขึ้น” ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทยอย่างสิ้นเชิง
แถลงการณ์ของกัมพูชาเรียกข้อกล่าวหาของไทยว่าเป็น “ข้อกล่าวหาที่บิดเบือนและกุขึ้น ซึ่งบิดเบือนข้อเท็จจริงในพื้นที่ และคุกคามความไว้วางใจและการเจรจาอันเปราะบาง” และย้ำว่ากัมพูชาไม่มีเจตนาที่จะละเมิดข้อตกลงหยุดยิง “ไม่ว่าในปัจจุบันหรือในอนาคต”
เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุอีกว่ารัฐบาลกัมพูชามีเป้าหมายหลักคือการทำให้สันติภาพยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและเสถียรภาพของภูมิภาคโดยรวม
ชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวในการแถลงข่าวด้วยว่า รัฐบาลกัมพูชาสนับสนุนกลไกการตรวจสอบและการสังเกตการณ์อย่างอิสระ
การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจะกระทบการประชุม GBC หรือไม่ ?
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยและผู้นำกัมพูชา ได้มีข้อตกลงจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา (General Border Committee – GBC) ซึ่งมีกำหนดการเดิมคือวันที่ 4 ส.ค. โดยกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
อย่างไรก็ดี หลังการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงของกัมพูชาที่ไทยอ้างว่าเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง หลังวันที่ 28 ก.ค. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ก็บอกว่าเรื่องของการประชุม GBC ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารในการตัดสินใจ
“ต้องดูว่าระดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงนับจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวันในช่วงเวลาแบบนี้” เขากล่าว
ขณะที่ สำนักข่าวขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและโฆษกกลาโหมของกัมพูชา ยังยืนยันว่า กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. ตามที่ตกลงกันไว้
ถัดมา ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุมว่า ฝ่ายไทยพร้อมเข้าร่วมประชุม GBC และรอฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญ โดยไทยมีความพร้อมในรายละเอียดและเนื้อหาการเจรจา
กระทรวงต่างประเทศไทยประณามกัมพูชา แต่ย้ำไทยยังยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง
กระทรวงการต่างประเทศไทยออกแถลงการณ์เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองกำลังกัมพูชา โดยมีเนื้อหาว่าในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา กองกำลังของกัมพูชายังโจมตีไทยต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ โดยการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และ “แสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์ที่ดีอย่างชัดเจน”
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ประเทศไทยยังขอย้ำในความมุ่งมั่นในการยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มที่ และการแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี และ “เรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกรูปแบบโดยทันที”
แหล่งที่มา www.bbc.com/thai/articles/clyj20zp244o